ผส.ชป.1 นำทีม คนชลประทาน ตรวจสอบความพร้อมอาคารในลำน้ำปิง ตั้งแต่ ปตร.ตัวแรก ปตร.ท่าวังตาล ป่าแดน จนถึงตัวสุดท้าย ปตร.แม่สอบ จอมทอง ยืนยันทุกอาคาร ระบบบาน พร้อมรับมือน้ำในช่วงฤดูฝน 2568
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

วันที่ 26 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 (ผส.ชป.1) พร้อมด้วย นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ (ผคป.เชียงใหม่) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานชลประทานที่ 1 และโครงการชลประทานเชียงใหม่ โครงการชลประทานลำพูน ร่วมกัน ตรวจสอบความพร้อมการใช้งานของเครื่องมือต่างๆ บานระบาย อาคารชลประทาน ของประตูระบายน้ำและฝายที่ตั้งอยู่ในลำน้ำปิง โดยเริ่มตรวจตั้งแต่ประตูระบายน้ำท่าวังตาลซึ่งเป็นตัวแรกสุดที่ใช้ในการบริหารจัดการน้ำไปจนถึงตัวท้ายสุดคือประตูระบายน้ำแม่สอย

นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งในช่วงนี้มีฝนตกชุกมากในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 รับผิดชอบดูแลอาคารชลประทานต่างๆ ในลำน้ำปิง ได้มีการสั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการใช้งานตัวอาคารทุกอาคารในลำน้ำปิง ประกอบกับการดูแลลำน้ำไม่ให้มีวัชพืชบริเวณหรืออาคาร ซึ่งได้มีการดำเนินการ บริหารจัดการมาโดยตลอด

ประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นประตูตัวแรกหลังจากแม่น้ำปิงไหลผ่านตัวเมือง การบริหารจัดการน้ำการระบายน้ำในช่วงนี้ได้มีการลดระดับน้ำให้ต่ำกว่าระดับแม่น้ำปิงปกติอยู่ราว 50 ซม. ก็จะทำให้เห็นตัวฝายท่าวังตาลเดิมที่อยู่ด้านหน้า ปตร. ซึ่งฝายนี้ได้รับงบประมาณให้มารื้อออกโดยหน่วยงานทหารโดยมีแผนจะเข้าดำเนินการในวันที่ 1 มิ.ย. 2568 และโดยภาพรวมของอาคารต่างๆ ในลำน้ำปิงวันนี้มีความพร้อม 100% ในการใช้งาน

ด้าน นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการในการจะรับมืออุทกภัยของจังหวัดเชียงใหม่ อาศัย 9 มาตรการของ สนทช. เป็นแนวทางในการปฏิบัติ มาตรการแรกคือ การเตรียมความพร้อม โดยจากอุทกภัยใหญ่ในปีที่ผ่านมาทำให้คนเชียงใหม่คาดหวังว่าเหตุการณ์อย่างเช่นปีที่แล้วจะไม่กลับมาเกิดซ้ำขึ้นอีก เบื้องต้นที่ต้องเตรียมคือ ข้อมูล โดยสถานีวัดน้ำแต่ละจุดตลอดลำน้ำจะต้องได้รับการตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของสถานีไห้เพิ่มขึ้น เพื่อส่งข้อมูลมายังศูนย์ประมวลและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำได้อย่างทันเวลา
“อีกส่วนคือการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ มีการขุดลอกเก็บผักตบชวา วัชพืช เศษกิ่งไม้ต่างๆ ทั้งสายหลักและสายรอง ซึ่งลำน้ำสายรองทางจังหวัดได้ดำเนินการไปมากแล้ว ในส่วนของชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่เข้าร่วมดำเนินการ เมื่อลำน้ำโล่งการระบายน้ำก็จะมีประสิทธิภาพ อีกประการที่สำคัญคือ การติดตามสถานการณ์จากศูนย์ประมวลเพื่อการรายงานให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ นอกจากนี้การตรวจสอบอาคารชลประทานต่างๆ ในเรื่องความพร้อมของอาคารที่มีอยู่ในลำน้ำปิง ซึ่งมีการตรวจสอบทุกประตูตั้งแต่ ปตร.ท่าวังตาล ไล่เรียงลงไป จนถึง ปตร.แม่สอย”

ที่ฝายชลขันธ์พินิจ หรือฝายปิงเก่า ต.ดอยแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน กล่าวว่า วันนี้เป็นการทดสอบประตูระบายทรายทั้ง 3 บาน ซึ่งมีความพร้อมในการเพิ่มการระบายน้ำให้กับฝายปิงเก่า โดยเมื่อเปิดบานระบายทรายจะสามารถระบายน้ำเพิ่มขึ้นได้อีกราว 90 ลบ.ม.ต่อวินาที ปัจจุบันสามารใช้งานได้เป็นปกติ
อีกอาคารในลำน้ำปิงที่เป็นปัญหาเมื่อปีที่ผ่านมา จากการลงพื้นตรวจสอบฝายดอยน้อย นายณรงค์ วงศ์จันทร์ทิพย์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 7 โครงการชลประทานเชียงใหม่ วันนี้ได้เปิดบานระบายน้ำจำนวน 3 บาน ทุกบานเปิดที่ความสูง 3.50 เมตร ทำการเปิดบานมาตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 25 พ.ค. 2568 เพื่อรองรับน้ำที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจากแม่น้ำขาน แม่น้ำวาง และแม่น้ำปิงตอนบน ซึ่งจะไหลสบทบกันก่อนไหลผ่านฝายดอยน้อย ระดับการระบายที่เปิดขณะนี้สามารถช่วยลดระดับน้ำขานที่สบขานได้มาก ทำให้ระดับน้ำท่วมที่สบขานสูงเพียง 30 ซม. เท่านั้น
“ซึ่งการระบายน้ำผ่านฝายดอยน้อยจะเปิดที่ปริมาณมากน้อยเท่าใดต้องคำนึงถึงการรักษาระดับน้ำให้กับสถานีสูบน้ำต่างๆ ที่อยู่ด้านเหนือและท้ายฝายด้วย ซึ่งตัวอาคารสถานีสูบน้ำเป็นแพการจะลดอย่างรวดเร็วอาจทำให้แพได้รับความเสียหายได้ หรือพลิกจมลงได้ โดยต้องรักษาระดับน้ำเหนือฝายดอยน้อยไว้ที่ระดับ 2.50 เมตร จากระดับท้องน้ำ ต่ำกว่าระดับสันฝายที่ 50 ซม. ซึ่งจะไม่กระทบกับตัวแพสูบน้ำ ถึงแม้ขณะนี้เปิดจำนวน 3 บาน แต่บานทั้งหมด 6 บานได้มีการทดสอบแล้ว สามารถเปิดได้ทุกบาน โดยทำการทดสอบพร้อบกับเจ้าหน้าที่อำเภอดอยหล่อไปก่อนหน้าที่ฝนจะมาแล้ว” สบ.7 คป.เชียงใหม่ กล่าว
ในส่วนของฝายวังปาน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานลำพูน นายนที สิทัน หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานลำพูน ชี้แจงว่า ฝายวังปาน ณ วันที่พื้นที่ตอนบนมีฝนตกในปริมาณมาก ได้มีการระบายน้ำโดยเปิดบานระบายน้ำ 5 บาน ระบายน้ำไปตอนท้ายฝายได้ 300 ลบ.ม. ต่อวินาที และยังสามารถระบายน้ำเพิ่มได้มากกว่านี้หากน้ำในพื้นที่เหนือฝายมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยจากการตรวจสอบ ทดสอบพบว่าอาคารสามารถใช้ได้ทุกตัว บานสามารถยกได้ทุกบาน เต็มประสิทธิภาพ 100% นอกจากนี้จะได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนอาคารตัวสุดท้ายในแม่น้ำปิงคือ ประตูระบายน้ำแม่สอย นายณรงค์ วงศ์จันทร์ทิพย์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 7 โครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึงการบริหารจัดการการควบคุมบานระบายน้ำ ว่า ประตูระบายน้ำแม่สอยมีบานระบายทั้งสิ้น 10 บาน ได้ทำการทดสอบไปแล้ว สามารถยกและลงบานได้ครบทั้ง 10 บาน แต่การระบายน้ำออกไปด้านท้ายต้องรักษาระดับน้ำด้านหน้า ปตร. ไว้ที่ระดับ 6.50 เมตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสถานีสูบน้ำซึ่งเป็นแพที่ตั้งอยู่เหนือประตูระบายน้ำแม่สอยขึ้นไป.