ตำรวจ - ทหาร » (มีคลิป) หยุดยาว ตร.ภาค 5 ไม่หยุด สกัดจับยึดยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 149 กิโลกรัม และเคตามีน 101 กิโลกรัม

(มีคลิป) หยุดยาว ตร.ภาค 5 ไม่หยุด สกัดจับยึดยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 149 กิโลกรัม และเคตามีน 101 กิโลกรัม

13 สิงหาคม 2025
161   0

หยุดยาว ตร.ภาค 5 ไม่หยุด สกัดจับยึดยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 149 กิโลกรัม และเคตามีน 101 กิโลกรัม

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ สามารถยึดยาเสพติดของกลางได้จำนวนมาก รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

การจับกุมในครั้งนี้ มีทั้งหมด 5 คดี โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาบ้าได้รวม 3.6 ล้านเม็ด, ยาไอซ์ 149 กิโลกรัม และเคตามีน 101 กิโลกรัม ซึ่งทั้งหมดเป็นของกลางที่เตรียมลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

คดีที่ 1 ด่านห้วยไร่จับรถบรรทุกซุกยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ที่ด่านตรวจห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจรถบรรทุกสิบล้อ และพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่จำนวน 1,200,000 เม็ด พร้อมจับกุมคนขับและผู้โดยสารคือ นายผดุงเกียรติ อายุ 32 ปี และนายธีระยุทธ์ อายุ 36 ปี ทั้งสองเป็นชาว จ.เชียงราย จากนั้นได้ขยายผลจับกุมรถกระบะต้องสงสัยที่ขับนำทางและคอยติดต่อสื่อสารตลอดเวลา ควบคุมตัวนายวสุพล อายุ 41 ปี และนางสาวธนาภา อายุ 34 ปี ทั้งหมดสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดจาก อ.แม่สาย ไปส่งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

คดีที่ 2 ดัดแปลงรถกระบะซุกเคตามีน 101 กก. และไอซ์ 39 กก. ด่านตรวจห้วยไร่ยังสามารถสกัดจับรถกระบะต้องสงสัยอีกคันหนึ่งได้ โดยเจ้าหน้าที่พบว่ามีการดัดแปลงพื้นรถกระบะอย่างแนบเนียน เมื่อเปิดออกจึงพบของกลางเป็นเคตามีน 101 กิโลกรัม และยาไอซ์ 39 กิโลกรัม บรรจุในถุงชาซุกซ่อนไว้ ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายสายชล อายุ 34 ปี และนางสาวดวงพร อายุ 35 ปี ซึ่งรับสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดมาจากชายแดน เพื่อนำไปส่งในกรุงเทพมหานคร

คดีที่ 3 ตำรวจวังชิ้นจับยาบ้า 1.8 ล้านเม็ด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้ตั้งด่านตรวจและสามารถสกัดจับรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ที่ขับตามกันมาได้ พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ นายอำพร อายุ 48 ปี, นายจิรยุทธ อายุ 40 ปี และนายสุนทร อายุ 46 ปี จากการตรวจค้นรถคันหนึ่งพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่จำนวน 1,800,000 เม็ด โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดไปส่งที่กรุงเทพมหานคร

คดีที่ 4 ยึดไอซ์ 110 กิโลกรัม หลังคนร้ายขับรถหนีและทิ้งรถที่ จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดและพบรถเก๋งโตโยต้า อแวนซ่าต้องสงสัย แต่คนขับกลับเร่งเครื่องหลบหนีจนรถเสียหลักพุ่งชนแท่งแบริเออร์ริมทาง ก่อนทิ้งรถแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสอบภายในรถ พบยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายรถรวมน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามเจ้าของรถมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจด่านแก่งปันเต๊าฯ ได้รับแจ้งเหตุเมาสุราอาละวาด บ้านห้วยโจ้ ม.4 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นจึงได้ออกตรวจสอบเหตุดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปก่อนหน้า ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดพบเห็นหญิงขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมาท่าทางพิรุธต้องสงสัย ขับขี่มาทางถนนภายในหมู่บ้านห้วยโจ้มุ่งหน้าบ้านแม่แมะ อ.เชียงดาวฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ เมื่อหญิงคนดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีอาการตื่นตระหนก ขับรถหลบหนี จึงได้ติดตามต่อไป แต่หญิงคนดังกล่าวไม่หยุดรถ และหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ย้อนกลับไปยังเส้นทางที่หญิงต้องสงสัยขับขี่มาได้พบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ผจ 7487 เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณริมทาง ไม่พบผู้ใดอยู่ที่รถคันดังกล่าว และ พบว่าประตูรถด้านซ้าย ข้างผู้โดยสาร เปิดทิ้งไว้ และ มีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าข้างขวาของรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบเป็นถุงดำขนาดใหญ่ จำนวน 6 ถุงภายในเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 600,000 เม็ด วางไว้บริเวณด้านหลังของเบาะรถยนต์คันดังกล่าว และได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นของคนร้ายที่หลบหนี จากนั้นจึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

การจับกุมครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของปัญหายาเสพติดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนำบัญชาข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม.