ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ สั่งเจ้าหน้าที่พร้อมรายงานสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนเฝ้าระวัง เตือนภัย และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ”

ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ สั่งเจ้าหน้าที่พร้อมรายงานสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนเฝ้าระวัง เตือนภัย และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” เร่งเปิดประตูระบายน้ำทุกแห่งระบายน้ำลงสู่ทะเลสาปดอยเต่าเขื่อนภูมิพลเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 68 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ สั่งการให้นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 – 8 , เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ SWOC , หัวหน้าฝ่ายช่างกลโครงการชลประทานเชียงใหม่ ให้ประจำอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ 24 ชม ในการเผชิญสถานการณ์ ฝนตก หนัก จากพายุ “คาจิกิ” ต้องติดต่อได้ ตลอดเวลา พร้อมรายงานสถานการณ์เบื้องต้นในพื้นที่สภาพอ่าง/ฝาย เป็นอย่างไร ระดับน้ำ ปริมาณน้ำ จุดวัดที่สำคัญ การบริหารน้ำ การให้ความช่วยเหลือประชาชนนายเกื้อกูล กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เรื่องพายุ “คาจิกิ” ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ ในห้วงระหว่างวันที่ 26 – 28 ส.ค. 68 จึงได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอยู่ประจำพื้นที่ ให้รายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นให้ติดตามสถานการณ์น้ำฝนที่ตกในพื้นที่ ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดกลาง ขนาดเล็ก รวมถึงแม่น้ำสายต่างๆ มีการเพิ่มระดับขึ้นสูงมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ และติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง หากสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะเข้าขั้นวิกฤติ ต้องรีบแจ้งให้ทราบทันที เพื่อจะได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันว่าระดับน้ำเป็นอย่างไร ประชาชนจะได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำฝน น้ำป่าไหลหลาก ที่จะเกิดในพื้นที่ได้นอกจากนี้โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้เปิดประตูระบายน้ำสบแม่ข่า ตำบลสบแม่ข่า อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการระบายน้ำจากปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ตำบลแม่เหี๊ยะ ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย ตำบลสันผักหวาน ตำบลสบแม่ข่า อำเภอหางดง ผ่านลำน้ำแม่เหี๊ยะ ลำน้ำสาขาแม่ท่าช้าง ตลอดจนลำน้ำแม่ขาน้อยในเขตเมืองเชียงใหม่ ให้ลงสู่แม่น้ำปิงได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทดสอบการเดินเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 4 เครื่องสามารถเดินเครื่องสูบน้ำได้ทันที กรณีต้องระบายน้ำโดยการสูบน้ำลงสู่แม่น้ำปิงทางด้านประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิง ตั้งแต่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไปจนถึงฝายดอยน้อย อ.ดอยหล่อ และประตูระบายน้ำแม่สอย ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำตัวสุดท้ายที่จะปล่อยน้ำลงสู่ทะเลสาบดอยเต่า แล้วไหลไปลงสู่เขื่อนภูมิพล ให้ทำการยกบานประตูระบายน้ำขึ้นทั้งหมด เพื่อเร่งระบายน้ำ ให้มีพื้นที่รองรับน้ำฝนจากพายุ “คาจิกิ” ที่ตกลงมา ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันแม่น้ำปิงยังมีสภาพปกติ ปริมาณน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุม.