ข่าววาไรตี้ » คณะแพทยศาสตร์ มช. สร้างความสำเร็จทางการแพทย์ ด้วยการรักษาโรคลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่ว (Pulmonary valve regurgitation) ผ่านสายสวน โดยไม่ต้องผ่าตัด “รายแรก”ของภาคเหนือ

คณะแพทยศาสตร์ มช. สร้างความสำเร็จทางการแพทย์ ด้วยการรักษาโรคลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่ว (Pulmonary valve regurgitation) ผ่านสายสวน โดยไม่ต้องผ่าตัด “รายแรก”ของภาคเหนือ

15 กันยายน 2025
135   0

คณะแพทยศาสตร์ มช. สร้างความสำเร็จทางการแพทย์ ด้วยการรักษาโรคลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่ว (Pulmonary valve regurgitation) ผ่านสายสวน ในผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 22 ปี ที่มีประวัติผ่าตัดรักษาภาวะ Tetralogy of Fallot มาก่อน และมีอาการของลิ้นพัลโมนิกรั่วรุนแรง

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

การใส่ลิ้นหัวใจพัลโมนิกเทียมผ่านสายสวนหัวใจ (Transcatheter pulmonary valve implantation; TPRI ) ในครั้งนี้ ทำผ่านทางหลอดเลือดดำใหญ่ บริเวณขาหนีบ จึงไม่ต้องผ่าตัดเปิดทรวงอก โดยกระบวนการรักษาและพักฟื้นผ่านไปได้ด้วยดี ไม่พบภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยสามารถออกจากโรงพยาบาล 2 วันภายหลังการรักษา นับเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าของนวัตกรรมการแพทย์เพื่อใช้รักษา ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

ผศ.นพ. กฤช มกรแก้วเกยูร

ผศ.นพ.กฤช มกรแก้วเกยูร อาจารย์ประจำแผนกโรคหัวใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิด Tetralogy of Fallot มีความผิดปกติคือผนังหัวใจห้องล่างรั่วและหลอดเลือดในปอดตีบ ในประเทศไทยพบผู้ป่วยใหม่ประมาณ 300-500 รายต่อปี การรักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้คือ การผ่าตัดปิดรูรั่วผนังหัวใจห้องล่างและแก้ไขหลอดเลือดไปปอดให้หายตีบในช่วงอายุ 2 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทำการผ่าตัดไปแล้วในช่วงต้นของชีวิต แต่ผู้ป่วยจะยังคงมีภาวะลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่วตามมาได้อีกถึงประมาณร้อยละ 90 ส่งผลให้หัวใจห้องขวาต้องรับภาระหนักขึ้นและมีขนาดโตขึ้น จึงจำเป็นต้องรับการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อแก้ไขลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่ว

การแก้ไขลิ้นหัวใจพัลโมนิกรั่วมี 2 วิธี คือ การผ่าตัดเปิดทรวงอกเพื่อใส่ลิ้นหัวใจพัลโมนิกเทียม และ การใส่ลิ้นพัลโมนิกผ่านทางสายสวนหัวใจ การเปลี่ยนลิ้นทั้งสองวิธีนี้เมื่อเวลาผ่านไป 10-20 ปี ลิ้นพัลโมนิกเทียมจะมีโอกาสเสื่อมอีก ทำให้ผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 3 จำเป็นต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจซ้ำอีกครั้ง ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจจะต้องการการใส่ลิ้นพัลโมนิกเทียมไม่ว่าจะโดยการผ่าตัดหรือผ่านทางสายสวน 2-3 ครั้งในช่วงชีวิตหนึ่ง

การผ่าตัดเปิดทรวงอกในแต่ละครั้ง จะก่อให้เกิดพังผืด (fibrous adhesion) เพิ่มความยากลำบาก และความเสี่ยงในการผ่าตัดมากขึ้น การรักษาผ่านทางสายสวนจึงเป็นทางเลือกที่จะลดความเสี่ยงนี้ลง อีกทั้งยังสามารถใส่ลิ้นพัลโมนิกเทียมชิ้นใหม่ทับแทนชิ้นเก่าได้ (valve in valve procedure)

การรักษาผ่านทางสายสวนครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสหสาขาวิชาชีพ อาทิเช่น ศัลยแพทย์โรคหัวใจ ทรวงอก และหลอดเลือด กุมารแพทย์โรคหัวใจ อายุรแพทย์โรคหัวใจ วิสัญญีแพทย์ รังสีแพทย์ นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก รังสีแพทย์และนักรังสีการแพทย์ เจ้าหน้าที่และพยาบาลห้องสวนหัวใจ ห้องผ่าตัดศัลยกรรมทรวงอก หอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมหัวใจหลอดเลือด หอผู้ป่วยพิเศษ 5 พยาบาลหน่วยโรคหัวใจเด็กและผู้ใหญ่

การประสบความสำเร็จในการใส่ลิ้นหัวใจพัลโมนิกผ่านทางสายสวนหัวใจของคณะแพทยศาสตร์ มช. ในครั้งนี้ จึงนับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ เพื่อยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีคุณภาพสูงสุด มีความปลอดภัยมากขึ้น ลดความเจ็บปวดและระยะเวลาการพักฟื้น สามารถกลับคืนสู่ชีวิตปกติได้เร็ว เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ซึ่งนับเป็นพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ เพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาวะ ด้วยนวัตกรรม.