สานฝันเด็กดอย! ‘บิ๊กจวบ’ เปิดป้ายอาคารเรียน 2.2 ล้านบาท ที่อมก๋อย มอบโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน ตชด.
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
เชียงใหม่ – เมื่อวันที่ 10 พ.ย.68 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ผศ.พรพิมล วงศ์สุข รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้เดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายและส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) รางวัลอินทิรา คานธี บ้านพะกะเช ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
อาคารเรียนหลังใหม่ที่ส่งมอบนี้ มีชื่อว่า “อาคาร พลตำรวจเอกประจวบ วงศ์สุข และกัลยาณมิตร” เป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว ขนาด 3 ห้องเรียน (ขนาดห้องเรียน 6×8 เมตร) มีพื้นที่ใช้สอยรวม 192 ตารางเมตร ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 2,200,000 บาท เพื่อขยายโอกาสและรองรับการเรียนการสอนของเยาวชนในพื้นที่ทุรกันดาร
ผู้ใหญ่ร่วมงานคับคั่ง มอบทั้งอาคารเรียนและไออุ่น
พิธีเปิดป้ายและส่งมอบอาคารเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยมีผู้บริหารและคณะกัลยาณมิตรผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.ต.ท.สรไกร พูลเพิ่ม, พล.ต.ท.สรร พูลศิริ, พล.ต.ต.กำพล กุศลสถาพร, พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน, คุณอรพิม วังปรีชา ผู้อำนวยการสาขาภาคเหนือ มูลนิธิโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในราชูปถัมภ์, คุณวันชัย ดุลยธรรมภักดี, พ.ต.อ.ศุภชัย จันทรา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด, พ.ต.ท.นิรันดร์ ไชยรัตน์ รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33, พ.ต.ท.หญิง ภครัตน์ เอนกบุณย์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 332
นอกจากพิธีมอบอาคารแล้ว พล.ต.อ.ประจวบ และภรรยา ยังได้ร่วมชมการแสดงชุด “รำกระทบไม้” จากนักเรียน รร.ตชด.ฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งมอบ ผ้าห่มและอุปกรณ์การเรียน ให้แก่นักเรียนและคณะครูของโรงเรียน และเยี่ยมชมกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและอาชีพ
ภายหลังพิธีส่งมอบ คณะประธานได้เยี่ยมชมสถานที่และกิจกรรมการเรียนการสอนอันเป็นประโยชน์ของโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึง โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน (แปลงเกษตร), โครงการฝึกอาชีพ (ทอผ้า, ทำขนมทองม้วน), ภูมิปัญญาท้องถิ่น (ตำข้าวครกกระเดี่ยง) และนวัตกรรมการเรียนการสอน (การอ่านการเขียนภาษาไทย) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียนในการพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพควบคู่ไปกับการศึกษาภาคบังคับ
ในการส่งมอบอาคารเรียนและสิ่งของในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมและยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร.