“รมช.นเรศ” มอบชลประทานสำรวจขุดลอกลำน้ำแม่กลาง ช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัย หลังจากไม่เคยขุดลอกมากว่า 10 ปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กว่า 5 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
วันที่ 21 พ.ย. 68 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาติดตามและเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลาง โดยมี นายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอจอมทอง นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการ สำนักงานชลประทานที่ 1 นายเกื้อกูลมานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ ว่าที่ร้อยตรีหญิง ลลิตา ฤาชัย หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 7 โครงการชลประทานเชียงใหม่ นายจีระศักดิ์ ศรีจันทร์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการชลประทานเชียงใหม่ นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกลโครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเกษตรและชาวบ้านในพื้นที่อำเภอจอมทอง ให้การต้อนรับ และร่วมรับฟังแผนในการขุดลอกลำน้ำแม่กลาง
นายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอจอมทอง กล่าวว่า อำเภอจอมทองเป็นอำเภอที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 58 กม. มีพื้นที่รวมประมาณ 712.297 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 6 ตำบล 103 หมู่บ้าน มีประชากรราว 70,000 คน โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งด้านการเกษตร มีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด พืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ลำไย ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเทียม หอมแดง มะม่วงและกาแฟอาราบิก้า นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือก เช่น แมคคาเดเมียและอโวคาโด เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร ด้านปศุสัตว์ มีการเลี้ยงโคเนื้อ โคนม สุกร และไก่พื้นเมือง ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปศุสัตว์อำเภออย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการพัฒนาพันธุ์สัตว์ การป้องกันโรค และการส่งเสริมการผลผิตอาหารปลอดภัย
นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า ความคิดริเริ่มในโครงการดังกล่าว ทางพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านหลวง ตำบลดอยแก้ว และตำบลข่วงเปา ที่ผ่านมามีน้ำแม่กลางล้นตลิ่งและถูกน้ำท่วมกว่า 5 ครั้ง เนื่องจากลำน้ำแม่กลางไม่เคยทำการขุดลอก กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไม่ต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งประชาชนในพื้นที่ได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอจอมทอง จากนั้นได้ส่งมาที่ สจ. ในพื้นที่ ก่อนจะแจ้งให้กับ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทราบ แล้วมอบหมายให้ทางจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการ ก่อนจะส่งเรื่องมาที่สำนักงานชลประทานที่ 1 โดยโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้เข้ามาสำรวจในพื้นที่ ซึ่งจากการสำรวจก็จะทำการขุดลอกลำน้ำแม่กลาง ระยะทางประมาณ 16 กม. ความลึกกลางลำน้ำประมาณ 1 – 1.50 เมตร ขุดห่างจากขอบตลิ่งประมาณ 10 เมตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ แต่การจะขุดลอกได้นั้นต้องได้รับการอนุมัติจากทางกรมเจ้าท่าก่อน ซึ่งคาดว่าการสำรวจเพื่อเตรียมออกแบบ จะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนธันวาคม 2568 นี้
ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านต้องมีการประชาคมกันให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ทำการออกแบบ และเสนอกรมเจ้าท่า ถึงจะดำเนินการขุดลอกได้ จะเป็นการลดผลกระทบด้านอุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนดินที่ทำการขุดลอกขึ้นมา จะไม่ใช่ขุดและวางกองไว้ริมตลิ่ง แต่จะขุดและตักใส่รถบรรทุก เพื่อนำไปในจุดทิ้งดิน ที่จะนำไปให้กับโรงพยาบาลจอมทอง ซึ่งดินและทรายที่ขุดได้ จะนำไปใช้ประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพบปะพี่น้องประชาชน ซึ่งมีความต้องการอยากขุดลอกลำน้ำแม่กลาง จากผลกระทบที่ถูกน้ำท่วมหลายครั้ง ลำน้ำแม่กลางมีความตื้นเขิน มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ แต่การดำเนินการนั้นทางชลประทาน จะเป็นผู้สำรวจและออกแบบ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อตลิ่ง และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จากการทำประชาคมในวันนี้ ก็มอบหมายให้นายอำเภอจอมทอง จัดตั้งประชุมกลุ่มย่อยในแต่ละตำบล โดยให้ผู้นำชุมชน และชาวบ้านมาร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าในแต่ละพื้นที่จะดำเนินการขุดลอกอย่างไร เพราะชาวบ้านกลัวว่า พื้นที่ตัวเองที่อยู่ติดกับลำน้ำแม่กลางจะหายไปหากมีการขุดลอก บางส่วนเห็นว่าต้นไผ่สีสุก ที่อยู่ริมตลิ่งมีความสำคัญ นอกจากจะป้องกันตลิ่งพังแล้ว ยังสร้างพื้นที่สีเขียว สร้างออกซิเจน ให้กับคนในพื้นที่ด้วย ดังนั้น จึงต้องมีการทำประชาคมในพื้นที่ที่จะทำการขุดลอก เมื่อได้ข้อมูลที่ตกผลึกแล้ว ก็จะนำแผนดังกล่าวส่งให้กับทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ เป็นผู้ออกแบบ และเสนอต่อกรมเจ้าท่า ซึ่งทางเจ้าท่า ก็จะเข้าสำรวจหลังจากที่ได้เห็นการออกแบบแล้วว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงพอ เมื่อมีการอนุมัติแล้ว ก็จะของบประมาณและดำเนินการขุดลอกตามแผนที่วางไว้ ขณะที่กลุ่มชาวบ้านอยากให้สร้างฝาย หรืออ่างเก็บน้ำขนาดเล็กเพิ่มเติมในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งนั้น ก็จะได้ดำเนินการในขั้นตอนของการสำรวจและแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป.