ข่าวภาคเหนือ » วัดพระบาทสี่รอยวุ่นไม่จบ ชาวบ้านค้านเจ้าอาวาสใหม่ – ผุดข้อสงสัย “อิทธิพลมืด” ครอบงำวัด เหนืออำนาจคณะสงฆ์ / พศ.จังหวัดเตรียมสอบเงินวัดกว่า 200 ล้าน

วัดพระบาทสี่รอยวุ่นไม่จบ ชาวบ้านค้านเจ้าอาวาสใหม่ – ผุดข้อสงสัย “อิทธิพลมืด” ครอบงำวัด เหนืออำนาจคณะสงฆ์ / พศ.จังหวัดเตรียมสอบเงินวัดกว่า 200 ล้าน

11 ธันวาคม 2025
307   0

วัดพระบาทสี่รอยวุ่นไม่จบ ชาวบ้านค้านเจ้าอาวาสใหม่ – ผุดข้อสงสัย “อิทธิพลมืด” ครอบงำวัด เหนืออำนาจคณะสงฆ์ / พศ.จังหวัดเตรียมสอบเงินวัดกว่า 200 ล้าน

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

ความขัดแย้งภายในวัดพระพุทธบาทสี่รอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังคณะสงฆ์จังหวัดมีมติแต่งตั้ง พระมหาพร้อมพงษ์ ปภัสสรจิตโต ดร. (ป.ธ.3) เป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่อย่างเป็นทางการ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน นำโดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ออกคัดค้าน ยืนยันไม่ยอมรับพระนอกพื้นที่ พร้อมร้องขอให้เจ้าคณะจังหวัดทบทวนคำสั่ง ส่งผลให้คดีความภายในวัดขยายวงกว้างสู่ประเด็นความโปร่งใสทางการเงิน และอิทธิพลที่อาจอยู่เหนือการบริหารของคณะสงฆ์

ต้นตอความวุ่น ตั้งแต่เหตุ “ครูบาพรชัย” ขับรถก่ออุบัติเหตุ – ลาออกก่อนถูกสอบสวน

กรณีความไม่สงบภายในวัดเริ่มมาตั้งแต่ปี 2566 เมื่อ พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (ครูบาพรชัย ปิยวัณโณ) ขับรถยนต์ลงจากดอยไปพักกับสีกาย่าน ต.สันผีเสื้อ และเกิดอุบัติเหตุชนรถชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายคัน ทำให้คณะสงฆ์จังหวัดตั้งกรรมการสอบสวน แต่ครูบาพรชัยได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสก่อนผลสอบจะสรุป อย่างไรก็ตาม ท่านยังคงจำพรรษาอยู่ภายในวัดตามเมตตาของ พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้สถานะเป็นพระลูกวัด และแต่งตั้งผู้รักษาการเจ้าอาวาสเข้ามาบริหารแทน

จนเมื่อพระมหาพร้อมพงษ์ปฏิบัติหน้าที่รักษาการครบกระบวนการในปี 2568 คณะสงฆ์ตำบลและอำเภอมีความเห็นร่วมกันให้แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างสมบูรณ์เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
7 ธ.ค. ชาวบ้านบุกวัดเชตวัน ขอพิจารณาใหม่ – เจ้าคณะจังหวัดชี้ต้องมีเหตุผลและหลักฐานชัด

วันที่ 7 ธันวาคม 2568 กลุ่มชาวบ้านกว่า 20 คน นำโดย นายมนตรี สุขสบาย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.สะลวง เดินทางเข้าพบพระเทพมังคลาจารย์ที่วัดเชตวัน ถนนท่าแพ เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเคยแจ้งกับคณะสงฆ์แล้วว่าไม่ต้องการให้พระนอกพื้นที่ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส แม้ยอมรับในฐานะ “รักษาการ” ได้ แต่ไม่ต้องการให้เป็นตัวจริง

พระเทพมังคลาจารย์ได้ชี้แจงว่า คณะสงฆ์ได้พิจารณาตามหลักพระธรรมวินัยและกฎระเบียบอย่างครบถ้วน พร้อมย้ำว่า

“หากจะทบทวนคำสั่ง ต้องชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องหรือการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของเจ้าอาวาสใหม่ รวมถึงอ้างอิงเหตุผลทางกฎหมายสงฆ์อย่างชัดเจน มิฉะนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
ท่านยังเผยว่า กรณีเงินกฐินปี 2567 ได้มอบให้คณะกรรมการวัดนำไปพัฒนาและบูรณะตามเจตนาผู้ทำบุญ ส่วนรายรับหลังจากนั้น การเงินทั้งหมดถูกจัดเก็บเข้าบัญชีวัดอย่างตรวจสอบได้
วงการสงฆ์จ่อสอบ “เงินวัดกว่า 200 ล้าน” สมัยครูบาพรชัย – พบคงเหลือเพียง 2 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความขัดแย้งครั้งนี้มีประเด็นลึกซ้อนเรื่องผลประโยชน์ในวัด โดยในสมัยที่ครูบาพรชัยยังดำรงตำแหน่ง มีรายงานว่าเงินจากการทำบุญและกิจกรรมภายในวัดรวมยอดหลายปีสูงกว่า 200 ล้านบาท แต่เมื่อมีการตรวจสอบเบื้องต้นหลังเปลี่ยนผู้บริหารวัดกลับพบยอดเงินคงเหลือในบัญชีประมาณเพียง 200,000 บาทเท่านั้น
แม้ข้อมูลดังกล่าวยังเป็นเพียง ข้อกล่าวอ้างของบุคคลในวงการคณะสงฆ์ ที่ต้องรอการตรวจสอบ แต่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์ว่าอาจมี “อิทธิพลมืด” หรือกลุ่มผลประโยชน์บางส่วนเข้ามาควบคุมการบริหารภายในวัด จนส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของคณะสงฆ์
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ (พศ.จ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วและเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนเส้นทางการเงินทั้งหมดของวัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเงินจำนวนมากดังกล่าวหายไปได้อย่างไร และมีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือไม่

กลุ่มผู้คัดค้านยืนยันว่าจะยื่นเรื่องต่อ พระธรรมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เพื่อให้เข้ามาไกล่เกลี่ยและตรวจสอบการแต่งตั้งอีกครั้ง โดยย้ำว่าต้องการให้วัดพระพุทธบาทสี่รอยบริหารโดยพระในพื้นที่ตามความต้องการของชุมชน
สถานการณ์ยังคงตึงเครียด

ขณะนี้ คณะสงฆ์ระดับจังหวัดยังยืนยันว่าการแต่งตั้งเป็นไปตามระเบียบ และเจ้าอาวาสใหม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยชอบธรรม ส่วนการตรวจสอบบัญชีวัดและประเด็นอิทธิพลภายในวัดเป็นเรื่องที่หน่วยงานรัฐกำลังดำเนินการ คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้.