ตำรวจ - ทหาร » ป.ป.ส.ร่วมภาคีเครือข่าย ต่อยอดปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ครั้งที่ 3 ขยายผลตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด นายเตชินท์ฯ

ป.ป.ส.ร่วมภาคีเครือข่าย ต่อยอดปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ครั้งที่ 3 ขยายผลตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด นายเตชินท์ฯ

25 มิถุนายน 2025
158   0

ป.ป.ส.ร่วมภาคีเครือข่าย ต่อยอดปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ครั้งที่ 3 ขยายผลตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด นายเตชินท์ฯ

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้บังคับกรมรบพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา ผู้บังคับหน่วยข่าวกรองทางทหาร สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 1,300,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.พิจิตร ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด (จ.พะเยา, จ.ระยอง) ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คันรวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ที่มาของการจับกุมคดีนี้สืบเนื่องจาก สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้ทำการสืบสวนเครือข่ายการค้ายาเสพติดของ “นายเตชินท์ หน่อวงค์” ซึ่งเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. สามารถจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ นายเตชินท์ฯ จำนวน 2 คดี คือ คดีที่ 1 วันที่ 22 ตุลาคม 2567 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน เฮโรอีน 154 กิโลกรัม ที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี (ออกหมายจับ 3 คน/ จับกุมได้แล้ว 1 คน เปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ยึดทรัพย์สิน 80 ล้านบาท) คดีที่ 2 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ไอซ์ 504 กิโลกรัม ซุกซ่อนในช่องลับรถบรรทุก ที่ จ.นครสวรรค์ ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี (ออกหมายจับ 5 คน) นอกจากนี้ยังมีคดี ที่ บก.น.2 จับกุมเครือข่ายนายเตชินท์ฯ ได้ ในวันที่ 16 มกราคม 2568 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ไอซ์ 105 กิโลกรัม ที่ กทม. จะเห็นได้ว่าบุคคลระดับผู้สั่งการ (นายเตชินท์ฯ) ยังคงหลบหนี และคงมีพฤติการณ์สั่งการบุคคลในเครือข่ายให้ดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

ตนได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลพิสูจน์ทราบเครือข่ายที่ลำเลียงยาเสพติดของนายเตชินท์ฯ อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัยที่คาดว่าจะใช้ในการลำเลียงยาเสพติด (รถยนต์ของกลางที่ใช้บรรทุกยาเสพติด) จึงดำเนินการสืบสวนติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา จนพบว่าในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนมิถุนายน 2568 รถคันดังกล่าวเดินทางจากพื้นที่ภาคเหนือมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังไปตรวจสอบหารถคันดังกล่าว กระทั่งวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 02.00 น. สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ขกท.ทบ., ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และ นสร. พบรถกระบะบรรทุกแบบคอก อำพรางด้วยสินค้าเกษตร มีลักษณะต้องสงสัย จึงขอทำการการตรวจค้น ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน (ชาว จ.พะเยา) พร้อมยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่ท้ายกระบะ เหตุเกิดในพื้นที่ จ.พิจิตร ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุม (CD) เพื่อขยายผลจับกุมผู้รับยาเสพติดปลายทาง กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 06.45 น. สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน (ชาว จ.ระยอง) ขณะมารับยาเสพติด เหตุเกิดในพื้นที่ ต.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้น เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด (จ.พะเยา, จ.ระยอง) ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด (ที่บ้านพักของผู้ต้องหาชาวระยองที่มารับยาเสพติด) และตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท

ผู้ต้องหาให้การว่า ในคดีนี้มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง (จ. สุพรรณบุรี หรือ จ.นนทบุรี) ตั้งแต่ห้วงเมษายน 2567- มิถุนายน 2568 ระยะเวลารวม 1 ปี 2 เดือน เคยลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 6 ครั้ง ได้ค่าจ้างลำเลียงยาเสพติดครั้งละ 100,000 – 200,000 บาท ยาเสพติดที่เคยลำเลียงเป็นประเภทยาบ้า (ระดับล้านเม็ดขึ้นไป), ไอซ์/เฮโรอีน ปริมาณ 100 กิโลกรัมขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในช่วงท้ายว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดในทุกระดับการค้า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้จับกุมกวาดล้างยาเสพติด ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมถึงกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้ครบทั้งวงจร ซึ่งในคดีนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 คน (ผู้สั่งการในการลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือ และผู้สั่งการในการรับยาเสพติดพื้นที่ตอนใน ส่วนกลุ่มลูกค้ายาเสพติด เบื้องต้นคาดว่าเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดภาคตะวันออก (จ.ระยอง) อยู่ระหว่างขยายผล.