ชลประทานเชียงใหม่ ตรวจสอบอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง พร้อมเร่งดำเนินการระบายน้ำและกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อรองรับน้ำจากพายุ “วิภา”
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
วันที่ 24 ก.ค. 68 นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่อำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง หลังจากอิทธิพลพายุโซนร้อนวิภาอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่นและหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่อำเภอพร้าวสูงสุดวัดที่สถานีหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สะลวม ตำบลป่าไหน่ 161 มิลลิเมตร สถานีบ้านขุนแจ๋ตำบลแม่แวน 142.5 มิลลิเมตร สถานีบ้านทุ่งบัวข้าวตำบลแม่ปั๋ง 119 มิลลิเมตร และอ่างเก็บน้ำแม่โขนวัดได้ 90 มิลลิเมตรทำให้น้ำไหลเข้าอ่าง 1.412 ร้านลูกบาศก์เมตรปัจจุบันอ่างเก็บน้ำแม่โก๋มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 5.610 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็น 101% โดยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 4.328 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็น 79% รวมปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างสะสม 3 วัน 1.521 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 27.5 % ของความจุอ่าง ปัจจุบันโครงการชลประทานเชียงใหม่ได้ระบายน้ำ ในอัตรา 3.63 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีหรือ 317,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำและน้ำ จากอ่างเก็บน้ำแม่โก๋นจะไหลไปลง เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลต่อไป พร้อมทั้งได้แจ้งเตือนอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้ว
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 13 แห่งปัจจุบันมีน้ำล้นอาคารระบายน้ำล้นจำนวน 3 แห่งได้แก่อ่างเก็บน้ำแม่โขน อำเภอพร้าว อ่างเก็บน้ำบ้านแม่ตะไคร้ อำเภอแม่ออน และอ่างเก็บน้ำสันหนอง อำเภอแม่แจ่ม เส้นทาง ผคปเชียงใหม่ ได้มีข้อสั่งการให้เร่งระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำทุกแห่งให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม
นอกจากนี้ตามข้อสั่งการของผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ฝ่ายส่งน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน และหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 – 8 โครงการชลประทานเชียงใหม่ มีการเฝ้าติดตาม เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมทั้งด้านหน้าฝาย ประตูระบายน้ำ ทางน้ำในความรับผิดชอบให้กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำปิงและลำน้ำสาขา ให้เร่งระบายลงทะเลสาปดอยเต่า ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดขนาดกลาง พิจารณาเก็บน้ำไม่เกิน 70 %ไว้ และเพิ่ม ระบายน้ำ รงมถึงตรวจสอบผลกระทบพื้นที่ท้ายอ่างฯ พร้อมทั้งให้รายงานสถานการณ์อุทกภัยไปยังส่วนกลาง จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ.