เขื่อนแม่งัดฯ เริ่มระบายน้ำ เปิดผ่านโรงไฟฟ้าในปริมาณ 20 ลบ.ม.ต่อวินาที จะใช้จุดวัดน้ำ P.75 เป็นเกณฑ์ หากไม่กระทบแม่น้ำปิง เพิ่มการระบายเป็น 40 ลบ.ม.ต่อวินาที หวังระบายให้ได้ 20 ล้าน ลบ.ม. ณ สิ้นเดือนกรกฎา หากเป็นไปตามคาดเขื่อนแม่งัดจะเหลือน้ำ 67% เพื่อพื้นที่รับน้ำฝนในช่วงเดือนถัดๆ ไป
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล นายธีรัตน์ พันธุประกิต หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม (วศ.คบ.แม่งัด) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนแม่งัดฯ และการบริหารจัดการน้ำช่วงหลังการเกิดพายุวิภา ว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดฯ เมื่อเวลา 07.00 น. (วันที่ 25 ก.ค.) มีอยู่ราว 200 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 76% ของความจุ ช่วงที่ผ่านมาจากอิทธิพลของพายุวิภา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนราว 37 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้โครงการฯ ได้มีการประสานกับฝ่ายจัดสรรน้ำ สำนักงานชลประทานที่ 1 มีการวางแผนที่จะระบายน้ำต่อจากนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะระบายน้ำออกจากเขื่อนราว 20 ลบ.ม.ต่อวินาที
“วันนี้เมื่อเวลา 13.00 น. ได้มีการระบายน้ำผ่านโรงไฟฟ้าเขื่อนแม่งัดในอัตรา 20 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยการบริหารจัดการน้ำในการระบายน้ำจะเป็นการระบายน้ำแบบขั้นบันได โดยจะเพิ่มระดับการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัมพันธ์กับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน” วศ.คบ.แม่งัด แจง
นายธีรัตน์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการเพิ่มปริมาณการระบายน้ำ ซึ่งเขื่อนจะระบายอยู่ในช่วง 20-40 ลบ.ม.ต่อวินาที การเพิ่มปริมาณก็จะมีการตรวจสอบปริมาณน้ำในแม่น้ำงัด แม่น้ำปิง ที่จุดวัด P.75 โดยจะใช้อัตราการไหลของน้ำในแม่ปิงที่ P.75 เป็นตัวชี้วัด หากมีระดับที่จะระบายเพิ่มได้ก็จะเพิ่มการระบายเป็น 40 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะทำการตรวจสอบปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงทุกวัน
“การระบายน้ำของเขื่อนแม่งัดจะมีการระบายได้ 2 ช่องทาง ช่องทางแรกคือ การระบายน้ำผ่านโรงผลิตไฟฟ้าในอัตรา 20 ลบ.ม.ต่อวินาที อีกช่องทางคือ ระบายผ่าน River Outlet ซึ่งระบายได้ในอัตรา 20 ลบ.ม.ต่อวินาที หากจะเพิ่มการระบายเป็น 40 ลบ.ม.ต่อวินาที ก็จะระบายเพิ่มในช่องทาง River Outlet โดยระบายลงสู่ลำน้ำแม่งัดซึ่งจะไหลลงสู่แม่น้ำปิงที่สบงัดก่อนถึงจุดวัด P.75 ก็ยังจะใช้จุดวัดน้ำ P.75 เป็นตัวชี้วัดในการบริหารการระบายน้ำของเขื่อนแม่งัดฯ” วศ.คบ.แม่งัด กล่าว
นายธีรัตน์ พันธุประกิต กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน และปริมาณน้ำมีอยู่เขื่อนแม่งัดฯ ณ ปัจจุบัน และหากมีการระบายตามแผนในปริมาณระบายได้สูงสุดที่ 40 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 เขื่อนแม่งัดฯ จะสามารถระบายน้ำได้ราว 20 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำกักเก็บที่ระดับ 200 ล้าน ลบ.ม. ในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม คาดว่าจะเหลืออยู่ราว 180 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 67 % จะทำให้มีพื้นที่การรับน้ำของเขื่อนเพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะเข้ามาในช่วงต่อไป.