ผบช.ภ.5 สั่งเข้ม “ยุทธการบุกบ้าน อันธพาลเชียงใหม่” ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง กรณี สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นพกพาอาวุธมีดขณะเข้าทำการตรวจค้นในรถยนต์ต้องสงสัยช่วงเวลากลางวัน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5
ดำเนินการตาม”ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ ” กรณีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ขณะออกตรวจ ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย จึงเรียกตรวจบริเวณหน้าตลาดรินคำ ถนนห้วยแก้ว ตรวจสอบพบกลุ่มวัยรุ่น 6 คน ภายในรถยนต์ ขณะตรวจค้นร่างกายและรถยนต์ พบอาวุธมีด 4 เล่ม และปืน Bang Gun จำนวน 1 กระบอก จึงนำตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด พร้อมของกลาง มายัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายโดยได้แจ้งข้อกล่าวหา “พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร…” ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการเปรียบเทียบปรับ ทำประวัติและปล่อยตัวไป
ต่อมา พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ดำเนินการตาม”ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่” โดย
พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์, พ.ต.อ.สุรชัย ท่างาม ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่,
และ พ.ต.อ.มนตรี ภูมิสะอาด ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.5
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบและตรวจค้นที่พักของกลุ่มวัยรุ่นซึ่งถูกจับกุมจากการพกพาอาวุธปืน (Blank Gun) และอาวุธมีดดังกล่าว พื้นที่ตรวจค้น (จำนวน 3 จุด) ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และได้ทำการขยายผลในภูมิลำเนา
โดยประสานไปยัง สภ.พื้นที่ภูมิลำเนาของกลุ่มวัยรุ่น ได้แก่
• สภ.พร้าว
• สภ.ฝาง
• สภ.แม่แตง
• สภ.สารภี
ซึ่งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านพักของกลุ่มวัยรุ่น พร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เพื่อเน้นมาตรการเชิงป้องกันในประเด็นสำคัญดังนี้
• ขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยปละละเลย
• กำชับบุตรหลานห้ามออกไปมั่วสุมกับกลุ่มเพื่อน หรือทำกิจกรรมสุ่มเสี่ยง
• ป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุวุ่นวายหรือสร้างความไม่สงบ
• หากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสม ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านสายด่วน 191 ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง.