ตำรวจ - ทหาร » เชียงใหม่/ปฏิบัติการฟ้าผ่า! ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนบ้านหรู 40 ล้านที่แม่ริม รวบ 18 คน เจ็บระนาว 8 ราย พยายามกระโดดหนี

เชียงใหม่/ปฏิบัติการฟ้าผ่า! ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนบ้านหรู 40 ล้านที่แม่ริม รวบ 18 คน เจ็บระนาว 8 ราย พยายามกระโดดหนี

30 กรกฎาคม 2025
207   0

ปฏิบัติการฟ้าผ่า! ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนบ้านหรู 40 ล้านที่แม่ริม รวบ 18 คน เจ็บระนาว 8 ราย พยายามกระโดดหนี

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.30 น. วันนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5 ร่วมกับชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และตำรวจท่องเที่ยว ได้สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านหรูมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ หลังสืบทราบว่าเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่

ภายในบ้านหรูหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบชาวจีนรวม 18 คน กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงลูกค้าชาวจีนผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าจู่โจม ผู้ต้องหาทั้งหมดพยายามหลบหนีอลหม่าน บางรายตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้นสองของบ้านที่มีความสูงกว่า 8 เมตร ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 8 ราย ในจำนวนนี้มี 1 รายที่ขาหัก ส่วนที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อยจากการหกล้มและบาดแผลถลอก

จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก อาทิ คอมพิวเตอร์กว่า 20 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือมากกว่า 100 เครื่อง, และซิมการ์ดของประเทศจีนจำนวนมาก ซึ่งใช้ในการติดต่อกับเหยื่อชาวจีนกว่า 10 ราย ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยและเช่าบ้านหลังนี้มาประมาณ 3 เดือน โดยมีหัวหน้าแก๊งชาวจีนเป็นผู้จัดการให้ลูกน้องกินอยู่หลับนอนและทำงานตลอด 24 ชั่วโมงภายในบ้าน โดยผู้ต้องหาแต่ละคนจะได้รับค่าจ้างสูงถึงหัวละประมาณ 10,000 – 20,000 หยวน หรือราว 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน มีภารกิจหลักคือการหลอกลวงชาวจีนหลากหลายรูปแบบ ทั้งการหลอกขายสินค้าออนไลน์, หลอกให้โอนเงินเพื่อแก้ปัญหาสายการบิน, ปัญหาธนาคาร, รวมถึงการข่มขู่เรียกเงินในลักษณะของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้ว่าจ้างที่แท้จริง รวมถึงตรวจสอบเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่อาจมีความเชื่อมโยงกับขบวนการไซเบอร์รายใหญ่จากต่างประเทศ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.