ตำรวจ - ทหาร » ทัพแพทย์เคลื่อนที่ “อนุรักษ์กำลังรบ” ดูแลสุขภาพทหารชายแดนและชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล

ทัพแพทย์เคลื่อนที่ “อนุรักษ์กำลังรบ” ดูแลสุขภาพทหารชายแดนและชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล

31 กรกฎาคม 2025
128   0

ทัพแพทย์เคลื่อนที่ “อนุรักษ์กำลังรบ” ดูแลสุขภาพทหารชายแดนและชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ตามพันธกิจ “อนุรักษ์กำลังรบ ทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้ว” พลตรี ปิยลาภ วสุวัต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และแพทย์ใหญ่กองทัพภาคที่ 3 ได้นำทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เวชกรรมป้องกันจากโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรฯ และโรงพยาบาลค่ายกาวิละ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2568 เพื่อดูแลและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมให้กับกำลังพลที่ประจำการในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงประชาชนในชุมชนใกล้เคียงที่เข้าไม่ถึงบริการทางการแพทย์

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

ชุดแพทย์เคลื่อนที่ได้เข้าประจำการ ณ ฐานปฏิบัติการจ่าโบ่ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน และฐานวัดพระธาตุแสนไห กับฐานบ้านหลักแต่ง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ โดยภารกิจครอบคลุมการให้บริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การตรวจรักษาสุขภาพกายเบื้องต้น การแจกจ่ายยา การคัดกรองสุขภาพจิต การคัดกรองหาเชื้อมาลาเรีย ไปจนถึงการตรวจสุขาภิบาลในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ

นอกจากนี้ ยังมีการพ่นสารเคมีแบบฝอยละอองรอบฐานปฏิบัติการ เพื่อป้องกันโรคจากแมลงพาหะ เช่น ไข้เลือดออกและมาลาเรีย ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในพื้นที่ชายแดน ทีมแพทย์ยังได้จัดอบรมให้ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นให้กับกำลังพล

จากการปฏิบัติงานครั้งนี้ มีกำลังพลจากฐานจ่าโบ่ 30 นาย และจากฐานพระธาตุแสนไห-บ้านหลักแต่ง รวม 32 นาย ที่ได้รับการตรวจสุขภาพและแจกยา นอกเหนือจากการดูแลทหารกล้าที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง ทีมแพทย์ยังได้ขยายความช่วยเหลือไปยังประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยมีผู้ป่วยทั่วไปได้รับบริการถึง 12 ราย แสดงให้เห็นถึงบทบาทของทหารแพทย์ที่ไม่เพียงแต่ดูแลกำลังพล แต่ยังเป็นที่พึ่งของชุมชนภารกิจนี้ให้ความสำคัญกับการคัดกรองสุขภาวะจิตใจและให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพจิตแก่กำลังพล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ในสภาวะที่ต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดัน การดูแลทั้งสุขภาพกายและใจนี้จะช่วยเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกล ให้พวกเขามีความพร้อมและเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจในการปฏิบัติภารกิจ “อนุรักษ์กำลังรบ” ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี.