ผบช.ภ. 5 แถลงจับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีฆ่าอำพรางศพ ก่อเหตุในพื้นที่ อ.สันทราย ก่อนเผารถทิ้ง อ.ดอยสะเก็ด
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และคณะทำงานชุดสืบสวน นำโดย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายพื้นที่ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แก่ นายวชิรวิทย์ หรือเสือ หรือเจมส์ อายุ 28 ปี และ นายดำรงฤทธิ์ หรือต้น อายุ 33 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย และวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
ลวงเหยื่อมาฆ่า ทุบด้วยค้อนก่อนอำพราง
เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.สันทราย ต่อเนื่อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุพบรถยนต์เก๋งถูกเผาและมีศพอยู่ในรถบริเวณถนนปางไฮ-แม่ตอน หมู่ 5 ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ดฯ จึงได้เร่งรัดสืบสวนจนพบพยานหลักฐานสำคัญและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองราย
จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่า นายวชิรวิทย์ และนายดำรงฤทธิ์ ร่วมกันวางแผนลวงนายคุณาสิน หรือกอล์ฟ (ผู้ตาย) ให้เข้ามาที่บ้านในหมู่ 13 ต.ป่าไผ่ อ.สันทรายฯ เมื่อผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึง นายวชิรวิทย์ได้ออกไปรับและพาเข้าบ้าน ซึ่งในขณะนั้นนายดำรงฤทธิ์ได้ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านแล้ว ทั้งสองคนได้ร่วมกันลงมืออย่างโหดเหี้ยม โดยใช้ค้อนทุบตีบริเวณศีรษะและลำตัวของนายคุณาสินจนถึงแก่ความตาย
หลังลงมือฆ่าแล้ว ผู้ต้องหาทั้งสองได้ช่วยกันทำลายหลักฐานภายในบ้าน จากนั้นได้นำศพของผู้ตายขึ้นรถยนต์เก๋งของผู้ตาย โดยนายวชิรวิทย์เป็นคนขับรถคันดังกล่าว ส่วนนายดำรงฤทธิ์ขับรถยนต์อีกคันตามไป เพื่อนำศพไปเผาอำพรางคดีที่ถนนปางไฮ-แม่ตอน โดยได้ใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผารถยนต์เก๋งของผู้ตาย จากนั้นจึงปล่อยรถให้ไหลลงเนินเขาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม แผนอำพรางของคนร้ายได้เกิดความผิดพลาด เมื่อรถยนต์ที่ปล่อยไหลไปเฉี่ยวชนเข้ากับนายวชิรวิทย์ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ นายดำรงฤทธิ์จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวและจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ในที่สุด โดยนายวชิรวิทย์ถูกอายัดตัวไว้ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บ
สำหรับของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ประกอบด้วย รถยนต์เก๋งของผู้ตาย, รถยนต์ของผู้ต้องหา และเสื้อผ้ากับรองเท้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ ซึ่งทั้งหมดจะถูกใช้เป็นหลักฐานประกอบคดีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผบช.ภ.5 กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคลี่คลายคดีสำคัญ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป.